ลูกชายเมาเหล้าทำร้ายร่างกายพ่ออย่างรุนแรงจนทำให้เสียชีวิต หลังรู้สึกไม่พอใจและเข้าใจผิดจากการที่ได้รับเงินส่วนแบ่งจากการขายรถยนต์เพียงแค่ 3 พันบาท ขณะที่ผู้เป็นแม่ อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หวั่นพ้นโทษจะออกมาจะทำการลงมือก่อเหตุซ้ำ

        จากกรณีที่ลูกชายอยู่ในอาการมึนเมาทำให้เกิดการเข้าใจผิด แล้วลงมือทำร้ายร่างกายด้วยการ เตะและต่อยพ่อในวัย 71เป็นเหตุให้ ดับสลด ปมปัญหาน้อยใจ “รักลูกไม่เท่ากัน” เหตุเกิดในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 73 บ้านคึมชาด ม.8 ต.ขนวน อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ญาติๆ ได้จัดสถานที่ เพื่อเตรียมจัดงานศพให้กับนายบุญเลี้ยง คำจันดี อายุ 71 ปี หลังถูกนายมนตรี คำจันดี อายุ 37 ปี ผู้ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆในไส้ ของนายบุญเลี้ยง ได้ทำร้ายร่างกายจนทำให้เสียชีวิต นายขันทอง อายุ 58 ปี กล่าวว่า ตนเองเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00 น. ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้รวมตัวกันอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นแม่ของผู้ที่ก่อเหตุได้เดินมาที่ถังน้ำแข็งเพื่อที่จะเอาน้ำดื่ม โดยมีนายมนตรีเดินตามหลังมาด้วย และมีท่าทีที่ประสงค์จะทำร้ายร่างกายแม่ จากนั้นนายบุญเลี้ยง เห็นท่าทางไม่สู้ดีจึงได้เดินตามไป และเมื่อเห็นว่าลูกชายจะทำร้ายแม่ จึงได้เข้าไปขวางทำให้นายบุญเลี้ยง ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอาการมึนเมาจากพิษเหล้า ได้จับพ่อทุ่มลงกับพื้นถนน ก่อนที่นายมนตรีจะทำการต่อยพ่อไปหลายครั้งหลายหน ก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นแล้ววิ่งมาที่หน้าบ้าน  นายขันทอง เล่าต่อว่า จากนั้นนายมนตรีก็เข้ามาทำร้ายร่างกายพ่อซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่เพื่อนบ้านจะมาช่วยกันแยกออกจากกัน โดยตนเองได้กันตัวของนายบุญเลี้ยงออกมา แล้วพาเดินออกไปที่ถนนกลางหมู่บ้าน ก่อนที่นายบุญเลี้ยง จะพูดประโยคสุดท้ายออกมาว่า “ปล่อยอ้ายโลด” จากนั้นนายบุญเลี้ยงก็ทรุดลงไปอยู่กับพื้นถนน ตนเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น ได้นำร่างกลับมาที่บ้านของนายบุญเลี้ยง พร้อมกับทำการปั๊มหัวใจช่วยเหลือ และประสานหน่วยกู้ชีพมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายนายบุญเลี้ยงก็สิ้นใจลงในที่สุด ส่วนนายมนตรีชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านได้ควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนที่จะแจ้งตำรวจมาควบคุมตัว ขณะที่นางเทวี อายุ 67 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ชนวนเหตุในครั้งนี้เกิดจาก นายบุญเลี้ยง ได้นำรถยนต์ไปขายได้เงินจำนวน 40,000 บาท จากนั้นได้นำเงินมาแบ่งให้กับนายมนตรี ลูกชาย จำนวน 3,000 บาท และเงินที่เหลือนั้นเตรียมจะนำไปใช้หนี้สินต่างๆที่ยืมเขามา แต่นายมนตรีรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากและเข้าใจผิดว่า ได้นำเงินที่เหลือไปให้พี่สาวมากกว่าที่ได้ให้กับตนเอง ซึ่งเมื่อวานนี้ นายมนตรีได้ดื่มเหล้าตั้งแต่เช้าจนมีอาการมึนเมาอย่างมาก เข้ามาบ้านในช่วงเย็น เมื่อเจอพี่สาวก่อนที่จะพยายามเข้าไปทำร้ายร่างกายพี่สาว แต่พี่สาวได้วิ่งหลบหนีไปได้ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 20.00 น. นายมนตรี จะเข้ามาทำร้ายตนเอง แต่นายบุญเลี้ยง ซึ่งเป็นพ่อได้เข้ามาขวางก่อนจะถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ที่นายมนตรีทำร้ายคนในครอบครัวนั้นเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ครั้งนี้ทำร้ายจนคนที่เป็นพ่อแท้ๆที่เลี้ยงดูมา เสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ซึ่งนายมนตรีเมื่อเวลาที่ได้ดื่มสุราก็จะมักมีเรื่องกับคนในบ้านอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อออกไปข้างนอกบ้านก็จะไม่หาเรื่องคนอื่น เวลาเมามาก็จะมาลงกับแม่และกับพี่สาวเท่านั้น นางเทวี กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ตนเองไปให้ปากคำกับตำรวจเมื่อช่วงเช้า ก็ไม่ได้ไปส่องดูลูกชายที่ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด มีแต่พี่สาวที่เดินไปดูตัวนายมนตรีเท่านั้น ซึ่ง ตำรวจบอกว่าคดีนี้เป็นการทำร้ายร่างกายพ่อผู้ให้กำเนิดจนเสียชีวิตทำให้มีความผิดหนัก ซึ่งจะต้องทำสำนวนที่มีความรัดกุม โดยอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะมีความกังวลและกลัวหากพ้นโทษออกมาเร็วเกินไปจะกลับมาแล้วจะทำการก่อเหตุฆ่าตนเองและพี่สาว ส่วนนอกเหนือจากการที่ลูกชายมีนิสัยชอบดื่มสุราเป็นประจำทุกวันแล้ว ในเรื่องของยาเสพติดตนเองก็ไม่รู้ เพราะทุกวันลูกชายจะอยู่ที่นาเลี้ยงโคและดูข้าวนาปรัง และจะมาดูภรรยาที่เตรียมขายปลาหมึกย่างที่ตลาดเพียงเท่านั้น ด้าน พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.หนองนาคำ ได้ทำการเปิดเผยว่า ในวันนี้ ร้อยเวรเจ้าของคดีจะยังมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ก่อนที่จะรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับนายมนตรี เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นบุพการีเสียชีวิต” โทษจำคุก 3-20 ปี ซึ่งเบื้องต้นนายมนตรีไม่ยินยอมที่จะมาชี้จุดเกิดเหตุ และหลังจากที่ร้อยเวรมีการสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย จะได้นำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมแพต่อไป