ไรเดอร์หนุ่มกับแฟนใหม่ คบกันมานานเป็นเวลา 17 ปี บริษัทจึงได้จัดทำการเซอร์ไพรส์โดยจัดงานแต่งงานให้ เปิดใจ หลังจากที่ถูกหญิงสาวอีกคนแฉผ่านเพจดัง มีลูกด้วยกัน ตอนนี้ลูกอายุได้ 12 ปี ได้เลิกลาแยกทางกันมานานแล้วเป็นเวลา 6 ปี มาทวงสัญญาค่าเลี้ยงดูบุตร 3000 บาท

       วันที่ 16 ก.พ. 2566 จากกรณีที่หญิงสาวรายหนึ่ง ได้ส่งข้อความไปยังเพจเฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว2” เชิงตัดพ้อถึงอดีตคนรักเก่าที่ได้เลิกรากันไป ซึ่งเป็นไรเดอร์และมีกระแสขึ้นมา เนื่องจากมีข่าวว่า ทำเซอร์ไพรส์ขอแฟนที่คบกันมานานเป็นเวลา 17 ปี แต่งงาน จนทางบริษัทจัดงานให้ ซึ่งทางเพจ เล่าว่า “อดีตคนรักคาใจ…หลังเลิกรากับฝ่ายชายมา 6 ปี และมีลูกสาวด้วยกัน ตอนนี้ลูกอายุ 12 ปี ตามข่าวที่บอกว่าเจ้าบ่าวรักเดียวใจเดียวและคบเจ้าสาวมานานถึง 17 ปี แล้วเอาตัวฉันไปไว้ที่ไหน หนูขอระบายหน่อยค่ะ หนูก็ไม่ได้อยากดังนะคะ สิ่งที่อยากบอกคือเรื่องจริงอย่างแน่นอน แค่ต้องการทำหน้าที่ของคนเป็นแม่คนหนึ่ง ไม่ได้อยากทำให้ใครอับอายหรือเสียหน้าแต่อย่างใด ถ้าสังคมรับรู้และชื่นชมผู้ชายคนนี้ ในหัวอกของลูกผู้หญิงหนูก็อยากให้สังคมรับรู้บ้าง หนูไม่ได้อยากมาเรียกร้องอะไรเลย แค่มาทวงคำมั่นสัญญาและคำพูดที่ผู้ชายคนนี้เคยพูดไว้เกี่ยวกับเรื่องการให้ค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 3,000 บาท ที่เขาต้องให้ทุกเดือน ในทุกวันนี้ไม่เคยได้เงินจากเขา เราพยายามติดต่อสื่อสารเขามาโดยตลอดแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน ลูกสาวคนโตได้นอนอยู่โรงพยาบาล โทรไปฝากบอกกับน้องชายเขาให้มาดูลูกหน่อยเพราะลูกป่วยอาการหนัก แต่สิ่งที่ได้รับคือความว่างเปล่า เราคิดว่าซ้อเข้าใจเรา เราไม่ได้มาขอคืนดี หรือไปทำให้พวกเขาต้องทะเลาะเบาะแว้งกันหรือมีปัญหากัน แต่อยากให้เขารับรู้ว่าในขณะที่ทุกคนแสดงความยินดีกับคุณ คุณมีความสุข แต่คุณจงอย่าลืมว่ามีลูกอยู่อีกคนหนึ่ง เรายอมรับผลกระทบที่ตามมา ที่สังคมอาจจะมองว่าเราขี้อิจฉาหรืออยากเด่นอยากดัง แต่หัวอกของผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันก็คงจะเข้าใจดี ส่วนอีกหนึ่งความคาใจ แม้เป็นเรื่องในอดีตเราเลิกลาแยกทางกับเขามาได้ 6 ปี ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุได้ 12 ปีแล้ว จากข่าวเห็นว่าคบหากันนานเป็นเวลา 17 ปี จนมีบริษัทจัดแต่งงานให้ เราก็รู้เรื่องเมื่อวานในข่าวเหมือนกัน” ซึ่งทางเพจได้แนบหลักฐานอื่นๆ ที่ได้รับมาประกอบด้วยความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยัง นายกฤษณะ เพชรมั่น อายุ 33 ปี ไรเดอร์คนดังกล่าว เปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า อาจมีข้อมูลที่มีความคาดเคลื่อน โดยตนคบกับ เก๋ แฟนสาวคนปัจจุบันมาตั้งแต่ ม.1 ระหว่างนั้นก็เลิกกัน และไปคบกับผู้หญิงอีกคนจนมีลูกด้วยกัน ก่อนจะเลิกรากัน และกลับมาคบกับ เก๋ อีกครั้ง รวมระยะเวลาประมาณ 17 ปี ส่วนกับแฟนเก่านั้น เลิกกันมาได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ส่วนประเด็นที่ได้ทำการตกลงไว้กับแฟนเก่าหลังเลิกกันว่า จะส่งเสียให้ลูกเดือนละ 3,000 บาท เป็นเรื่องจริง เพราะขณะนั้นตนมีงานทำ โดยทำงานอยู่กับพี่ชายของเขา แต่พอแยกทาง ก็ไม่ได้ทำงานอีก ไม่มีเงิน ตอนแยกทางตนออกมามือเปล่า มีเสื้อผ้าติดตัวมาเพียงแค่ชุดเดียว กลับมาอยู่ที่ชะอำ ทำงานในร้านอาหาร มีรายได้วันละ 200 บาท ยอมรับว่าไม่มีกำลังที่จะให้ แต่เขาให้เซ็นสัญญาส่งเสียเดือนละ 3,000 บาท ผมก็ยอม ที่เขาบอกว่า ไม่ได้ส่งเสียตรงนี้ยอมรับ เพราะไม่มีกำลังพอที่จะจ่ายให้ ซึ่งระยะเวลาระหว่างนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับลูก เพราะเขาบอกเองว่าไม่ต้องมาติดต่อ ไม่ให้คุย มีแต่เขาที่ติดต่อมาเรื่องเงิน แต่ผมไม่มีให้จริงๆ นายกฤษณะ เผยต่อว่า เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ลูกโทรมาขอเงินไปซื้อจักรยานไฟฟ้า ตนพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง จึงให้ลูกไปประมาณ 3,500 บาท ส่วนที่แฟนบอกว่า ลูกเข้าโรงพยาบาลป่วยหนักแล้วตนไม่สนใจ ตอนนั้นน่าจะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ขณะนั้นตนไม่มีกำลังจะช่วยเหลือจริงๆ ถ้ามีก็ยินดีที่จะให้ ระยะเวลาที่ผ่านมาอยากติดต่อพูดคุยกับลูก แต่แฟนเก่าไม่ยอมให้คุย จะมีบ้างบางทีที่ลูกติดต่อมาเอง แต่ก็ไม่บ่อยนัก พร้อมยืนยันอีกว่า ไม่เคยคบซ้อนแต่อย่างใด ช่วงเวลาที่คบหากับแฟนเก่า อยู่ด้วยกันกับที่บ้านแฟน ทำงานกับแฟน เงินทุกบาททุกสตางค์ให้แฟนเก่าหมด จนกระทั่งเลิกกับแฟนเก่าแล้ว จึงกลับมาคบกับ เก๋ แฟนคนปัจจุบันนี้ ซึ่งตอนนี้ตนพอมีกำลังเริ่มมีเงิน หากอดีตแฟนเลี้ยงลูกไม่ไหว ก็ยินดีที่จะรับลูกมาเลี้ยงเองโดยไม่มีเงื่อนไข ขออย่างเดียว เลิกวุ่นวายกับชีวิตตนและเก๋ ด้าน น.ส.เก๋ อายุ 32 ปี แฟนปัจจุบัน ได้เปิดเผยว่า เราคบกันตั้งแต่ ม.1 แต่เลิกกันไปตอนประมาณ ม.3-ม.4 จากนั้นเขาก็ไปมีแฟนคนนี้ 17 ปี อาจจะเป็นระยะเวลาที่เราคบกันมา ระหว่างที่เลิกไป เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เราไม่เคยรู้จักหรือคุยกับกับผู้หญิงคนนี้มาก่อน กระทั่งกลับมาคบกับเขา ซึ่งเขาไม่ได้มารังควานเราคนเดียว แต่เขามารังควานพ่อแม่เราด้วย ทั้งๆ ที่เราไม่รู้เรื่อง

ซึ่งช่วงที่เรากลับมาคบกันล่าสุดนี้ เขาก็ติดต่อฝ่ายชายมาบ้างแรกๆ ก่อนจะเงียบไป กระทั่งมีข่าวเขาก็ออกมา ซึ่งเราคิดไว้แล้วว่า ถ้ามีคลิปการแต่งงานนี้ออกไป เขาต้องออกมาแน่ เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งใดๆกัน แต่ก็ทำกับเราแบบนี้ตลอด หลังจากที่เกิดเรื่องเราคุยกับฝ่ายชายว่า ลองโทรคุยกับเขาดูไหม ว่าจะเอายังไงต่อ จนกระทั่งมีสื่อติดต่อมาขอสัมภาษณ์ ซึ่งเราบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว เราไม่ได้มีอะไรปิดบัง ซึ่งเรายืนยันว่า เราไม่เคยคบกับฝ่ายชายระหว่างที่เขาคบกันอยู่ เขาเลิกกัน เราถึงกลับมาคบฝ่ายชาย ถ้าถามว่า อยากบอกอะไรกับอีกฝ่ายไหม ไม่อยากบอกค่ะ คือพูดไปก็เท่านั้น อยู่ที่เขาต่างหากว่าจะอย่างไร ถ้าหลังจากนี้เขาจะตกลงกันเรื่องลูก เราโอเคอยู่แล้ว เพราะเรารับรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีลูก ตั้งแต่ที่เขาไปเซ็นสัญญา ซึ่งเราก็บอกว่า ถ้ามีกำลังก็ส่ง อย่างล่าสุดที่ลูกโทรมาขอเงิน เราก็บอกว่าให้ไป เพราะมันเป็นสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ ไม่ควรเอาเด็กมาเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องของเขาสองคน แต่คนที่ต้องรับผลจากเรื่องนี้เป็นเด็ก ไม่ใช่เรา 3 คนด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ภรรยาใหม่ยังบอกอีกด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องคุยกันเอง ไม่ควรป่าวประกาศให้โลกรู้ด้วยซ้ำ และหากทำให้ร้านเกิดความเสียหายขึ้นมาก็อาจจะฟ้อง เพราะตั้งแต่มีประเด็นเขาก็ลบโพสต์ของเขาออกไป หลังจากนี้หากเขาติดต่อมาก็ยินดี แต่คิดว่าคงไม่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นคงติดต่อมาตั้งแต่ทีแรกแล้ว